[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by
MAXSITE 2.5.3
ยินดีต้อนรับคุณ
บุคคลทั่วไป
Select Language
English
Arabic
Bulgarian
Chinese (Simplified)
Chinese (Traditional)
Croatian
Czech
Danish
Dutch
Finnish
French
German
Greek
Hindi
Italian
Japanese
Korean
Norwegian
Polish
Portuguese
Romanian
Russian
Spanish
Swedish
Catalan
Filipino
Hebrew
Indonesian
Latvian
Lithuanian
Serbian
Slovak
Slovenian
Ukrainian
Vietnamese
Albanian
Estonian
Galician
Hungarian
Maltese
Thai
Turkish
ค้นหา
เมนูหลัก
หน้าแรก
ประวัติวิทยาลัย
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
หลักสูตรที่เปิดสอน
ทำเนียบบุคลากร
ประมวลภาพกิจกรรม
สมุดเยี่ยม
ปฏิทินกิจกรรม
ข่าวสาร/ประชาสัมพันธ์
สาระความรู้
โครงการ/งาน
กระดานข่าว
ดาวน์โหลด
ผลงานทางวิชาการ
contact
blog
video
Administrator
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ]
|
[ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด
3
คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์
0
คน
ฝากข้อความ
ชื่อ :
ข้อความ
(ตัวแสดงอารมณ์)
poll
คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร
ดีมาก
ดี
ปานกลาง
แย่
แย่มาก
ดูผลการ vote
เว็บบอร์ด
>>
ห้องนั่งเล่น
>>
แจก "คนละครึ่ง" ไทยได้ส่วนลด แต่ประเทศนี้แจกหนักกว่า 3 เท่า ผลลัพธ์เป็นอย่างไร
VIEW : 4
โดย
ขาดเลย
UID :
ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว
:
1
ตอบแล้ว
:
เพศ :
ระดับ : 1
Exp : 20%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP
:
10.10.1.
xxx
เมื่อ :
จันทร์ ที่ 20 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2568 เวลา 15:36:36
มาตรการแจก 3 ประเทศ vs คนละครึ่งไทย เทียบกันชัดๆ ใครเวิร์คสุด ใครคุ้มกว่ากัน โครงการ คนละครึ่ง กลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่รัฐไทยใช้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชนอย่างตรงจุด
123
bet
ในขณะที่บางประเทศเลือกใช้โมเดลวูเชอร์ (voucher) หรือคูปองที่แจกมากกว่าสามเท่า เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงลึกกว่าแบบเดิม แล้วเมื่อเทียบกันจริงๆ โมเดลแบบไหนได้ผลมากกว่า? บทความนี้รวบรวม 3 กรณีศึกษาจากต่างประเทศ พร้อมเปรียบเทียบกับไทย เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า “แจกเงิน / แจกสิทธิ์” แบบไหนอาจเหมาะกับไทยในช่วงนี้
1.
ไทยแจกคนละครึ่ง – ไต้หวันแจกคูปอง
3
เท่า แบบไหนเวิร์คกว่ากัน
ในช่วงกลางปี 2020 รัฐบาลของไต้หวันเปิดโครงการ “Triple Stimulus Voucher” ให้ประชาชนจ่ายเงิน NT$1,000 แล้วได้รับคูปองมูลค่า NT$3,000 ซึ่งถือว่าเป็นการ “แจกหนัก” เมื่อเทียบกับโครงการในไทยที่รัฐร่วมจ่ายครึ่งหนึ่งในโครงการคนละครึ่ง ผลลัพธ์ของไต้หวันคือ ได้ผู้ใช้สิทธิมากกว่า 22.89 ล้านคน หรือคิดเป็นราว 96% ของผู้มีสิทธิ์ รัฐประเมินว่าโครงการมีต้นทุนราว NT$51.05 พันล้าน และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ร้านค้าในท้องถิ่นถึงราว NT$100 พันล้าน สำหรับไทย โครงการคนละครึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดให้ลงทะเบียนหลายเฟส โดยรัฐร่วมจ่ายให้ครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ด้วยจำนวนเงินที่รัฐสนับสนุนต่อวัน/คน และกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุม ทำให้ผลกระทบในระดับร้านค้าอาจแตกต่างจากกรณีไต้หวัน
2.
คนไทยได้ส่วนลดกินข้าว – แต่คนเบลเยียมเอาวูเชอร์จ้างแม่บ้าน ใครคุ้มกว่ากัน
ในเบลเยียมมีระบบ Service Voucher (หรือ “Titres‑services”) ที่ผู้ใช้สามารถจ้างแรงงานภาคครัวเรือน เช่น งานทำความสะอาดบ้าน ดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ โดยซื้อวูเชอร์ในราคาที่ถูกมาก
123
bet
เมื่อเทียบกับมูลค่าจริงของบริการสถิติระบุว่า มากกว่า 1.2 ล้านครัวเรือนในเบลเยียมใช้วูเชอร์นี้ และในปี 2021 มีวูเชอร์ถูกซื้อถึง 130 ล้านใบ ซึ่งเติบโตขึ้นประมาณ 17% จากปีก่อนหน้าในไทย โครงการคนละครึ่งเน้นไปที่การจับจ่ายใช้สอยทั่วไป เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า ซึ่งต่างจากเบลเยียมที่เน้นไปที่ “บริการ” ภายในบ้านมากกว่า
3.
ไทยกำลังแจกเงิน – ฮ่องกงให้ผู้สูงอายุเลือกหมอเองด้วยวูเชอร์ แบบไหนดูแลประชาชนกว่ากัน
ในฮ่องกงมีโครงการ Elderly Health Care Voucher Scheme ที่รัฐให้วูเชอร์สำหรับผู้สูงอายุ (อายุ 65 ขึ้นไป) เพื่อใช้บริการทางการแพทย์หรือคลินิกเอกชนได้ตามประสงค์ สถิติ ณ ปลายเมษายน 2022 ระบุว่า มีผู้ใช้สิทธิจำนวนกว่า 1.45 ล้านคน หรือคิดเป็นราว 97% ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด มีผู้ให้บริการร่วมกว่า 10,800 แห่ง และจุดบริการมากถึงประมาณ 30,000 จุด สำหรับไทย แม้จะมีระบบหลักประกันสุขภาพและสวัสดิการต่างๆ แต่ยังไม่มีวูเชอร์ที่เปิดให้ “เลือกบริการแพทย์เอกชนได้เอง” โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุในลักษณะเดียวกันกับฮ่องกง
[
อ้างอิง
]
Re หัวข้อ :
รูปประกอบ :
จำกัดขนาด 100 kB
รายละเอียด :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ชื่อของท่าน :
แผนกวิชาอุตสาหกรรมเกษตร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ
90 ถ.กสิกรรม ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ 33000
@2014-2015
GCLUB
GNU General Public License
Edit&Applied by
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ
Power by :
FreeBSD.org