[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by MAXSITE 2.5.3
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 5 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
ฝากข้อความ
    ชื่อ :
    ข้อความ (ตัวแสดงอารมณ์)
    poll

       คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


    1. ดีมาก
    2. ดี
    3. ปานกลาง
    4. แย่
    5. แย่มาก




      

       เว็บบอร์ด >> สอบถาม พูดคุยเกี่ยวกับการเรียนการสอน >>
    โรคกรดไหลย้อน  VIEW : 516    
    โดย Dr. Surachai Wongkhamhang

    UID : ไม่มีข้อมูล
    โพสแล้ว : 9
    ตอบแล้ว :
    เพศ :
    ระดับ : 2
    Exp : 50%
    เข้าระบบ :
    ออฟไลน์ :
    IP : 61.91.28.xxx

     
    เมื่อ : ศุกร์์ ที่ 9 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2560 เวลา 13:46:35    ปักหมุดและแบ่งปัน

    โรคกรดไหลย้อน

    สุขภาพ

    โรคกรดไหลย้อน หมายถึงภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก

    โครงสร้างของกระเพาะอาหาร
             เมื่อเรารับประทานอาหารทางปาก อาหารจะถูกเคี้ยว และกลืนเข้าหลอดอาหาร อาหาร จะถูกบีบไล่ไปยังกระเพาะอาหาร ระหว่างรอยต่อของกระเพาะอาหาร และหลอดอาหารจะมีหูรูด หรือที่เรียกว่า Sphincter ทำให้ที่ปิดมิให้อาหารหรือกรดไหลย้อนกลับไปยังหลอดอาหาร เมื่ออาหารอยู่ในกระเพาะจะมีกรดออกมาจำนวนมาก เมื่ออาหารได้รับการย่อยแล้วจะถูกการบีบไปยังลำไส้เล็ก ดังนั้นหากมีกรดไหลย้อนไปยังหลอดอาหารก็จะมีอาการเจ็บหน้าอก

    โรคกรดไหลย้อนคืออะไร?
             คือภาวะที่กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร กรดไหลย้อนทำให้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือ      แสบหน้าอก บางครั้งอาจจะรู้สึกรสเปรี้ยว

    สาเหตุของกรดไหลย้อน

    -Hiatus hernia (คือโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้นเข้าไปในกำบังลม)
    -ดื่มสุรา
    -อ้วน
    -ตั้งครรภ์
    -สูบบุหรี่
    -อาหารรสเปรี้ยว เผ็ด อาหารมักดอง อาหารมัน อาหารย่อยยาก
    -ทานอาหารมากจนอิ่มเกินไป
    -ช้อกโกแลต กาแฟ น้ำอัดลม
    -คนเครียด
    -อาหารมัน ของทอด
    -หอมกระเทียม
    -มะเขือเทศ

    อาการของกรดไหลย้อน
    -อาการทางหลอดอาหาร
    -อาการปวดเสบร้อนบริเวณหน้าอก และลิ้มปี่ที่เรียกว่าร้อนใน (heart burn) บางครั้งอาจจะร้าวไปที่คอได้
    -รู้สึกมีก้อนอยู่ในคอ
    -กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ
    -เจ็บคอหรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า
    -รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือมีรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก
    -มีเสมหะอยู่ในคอ หรือระคอตลอดเวลา
    -เรอบ่อย คลื่นไส้
    -รู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย
    -อาการทางกล่องเสียง และปอด
    -เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้าหรือมีเสียงผิดปกติจากเดิม
    -ไอเรื้อรัง
    -ไอ หรือ รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน
    -กระแอมไอบ่อย
    -อาการหอบหืดแย่ลง
    -เจ็บหน้าอก
    -เป็นโรคปอดอักเสบเป็นๆหายๆ

    การรักษากรดไหลย้อน

    -การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    -ลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มาก
    -งดบุหรี่เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดกรดมาก และหูรูดอ่อนแรง
    -ใส่เสื้อหลวมๆ
    -ไม่ควรจะนอน ออกกำลังกาย หรือยกของหนักหลังออกกำลังกาย
    -งดอาหารก่อนนอน 3 ชั่วโมง
    -งออาหารมันๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ช้อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ เผ็ด เปรี้ยว เค็มจัด
    -รับประทานอาหารพออิ่ม
    -หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ สุรา
    -นอนหัวให้สูงประมาณ 6-10 นิ้ว โดยหนุนที่ขาเตียง ไม่ควรใช้หมอนหนุนที่ศีรษะเพราะทำให้ความดันในช่องท้องสูง
    -รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ
    -ควรจะเข้านอนหรือเอนกายหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
    -ผ่อนคลายความเครียด

    การรักษาด้วยยา
    -Antacids เป็นยาตัวแรกที่ใช้ สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่มาก
    -ใช้ยา proton pump inhibitor ซึ่งเป็นยาที่ลดกรดได้เป็นอย่างดีอาจจะใช้เวลารักษา1-3 เดือน เทื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม---ได้ก็อาจจะลดยาลงได้ยาที่นิยมใช้ได้แก่ omeprazole , lansoprazole , pantoprazole , rabeprazole, และ esomeprazole
    -หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ทำให้กระเพาะหลั่งกรดมาก หรือทำให้หูรูดหย่อน เช่น ยาแก้ปวด aspirin NSAID VITAMIN C
    -หากให้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรจะต้องตรวจเพิ่มเติมได้แก่
    -การกลืนแป้งตรวจกระเพาะ
    -การส่องกล้องตรวจกระเพาะ
    -การรักษาโดยการผ่าตัด
    จ-ะผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล

    โรคแทรกซ้อน
    -หลอดอาหารที่อักเสบอาจจะทำให้เกิดแผล และมีเลือดออด หรือหลอดอาหารตีบทำให้กลืนอาหารลำบาก
    -อาจจะทำให้โรคปอดแย่ลง เช่นโรคหอบหืดเป็นมากขึ้น ไอเรื้อรัง ปอดอักเสบ
    -จะไปพบแพทย์เมื่อไร
    -ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
    -อาเจียนบ่อย หรือมีเลือดปน
    -กลืนติด หรือกลืนลำบาก
    -อุจาระสีดำ หรือมีเลือดปน
    -อ่อนเพลีย ซีด
    -น้ำหนักลดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสาเหตุ
    -รับประทานยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น